สวัสดีค่ะ บทความวันนี้แมวใช้ประสบการณ์ส่วนตัวเขียนเป็นพิเศษ เนื่องจากมีงานอดิเรกเป็นการเทรดหุ้นค่ะ (ขำ) คือว่า.. การเทรดหุ้น ถ้าจะให้ลงลึก จะมีหลากหลายสาขา/สาย/สำนักมาก ๆ เลย แต่เนื่องจากว่าแมวเป็น data scientist ก็เลยขอให้ Data หนัก ๆ ในการทำนาย (forecast) การย่อ ขึ้น ลง และปรับฐานของหุ้นนั้น ๆ วันนี้ก็เลยจะมาอธิบาย Time Series Analysis ค่ะ

หลักการของ Time Series Analysis

Time Series Analysis คือการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมตามลำดับเวลา เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบ แนวโน้ม ความสัมพันธ์ และใช้ในการพยากรณ์ค่าในอนาคตค่ะ โดยมีหลักการสำคัญดังนี้

  1. ข้อมูล Time Series: ข้อมูลที่ใช้ต้องเป็นชุดข้อมูลที่เก็บค่าตัวแปรเดียวกันซ้ำๆ ตามช่วงเวลาที่เท่ากัน เช่น ราคาหุ้นรายวัน ยอดขายรายเดือน อุณหภูมิรายชั่วโมง โดยต้องระบุหน่วยวัดและกำหนดช่วงเวลาให้ชัดเจน
  2. Trend: เทรนด์คือรูปแบบระยะยาวของข้อมูลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่น การเติบโตของจำนวนประชากร การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า ซึ่งมักเกิดจากปัจจัยภายนอกที่ส่งผลระยะยาว
  3. Seasonality: ฤดูกาลคือรูปแบบที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ตามรอบระยะเวลาคงที่ เช่น ยอดขายเครื่องปรับอากาศจะเพิ่มขึ้นในช่วงหน้าร้อน การจราจรติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน โดยความยาวรอบอาจเป็นวัน สัปดาห์ เดือน ไตรมาส หรือปี
  4. Cyclical: วัฏจักรคือรูปแบบที่เกิดขึ้นซ้ำๆ คล้ายฤดูกาล แต่ความยาวรอบจะไม่คงที่ เช่น วัฏจักรเศรษฐกิจที่สลับขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งแต่ละรอบอาจยาว 5-10 ปี
  5. Residual: ส่วนที่เหลือคือส่วนของข้อมูลที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเทรนด์ ฤดูกาล และวัฏจักร มักเกิดจากเหตุการณ์สุ่มที่ไม่คาดคิด เช่น สงคราม ภัยธรรมชาติ หรือการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบต่างๆ
  6. Autocorrelation: สหสัมพันธ์ในตัวเองคือความสัมพันธ์ระหว่างค่าสังเกตในอดีตกับค่าสังเกตในปัจจุบัน บ่งบอกว่าค่าในอดีตมีอิทธิพลต่อค่าในปัจจุบันและอนาคตมากน้อยแค่ไหน ช่วยในการสร้างตัวแบบสำหรับพยากรณ์
  7. Stationarity: ความนิ่งของข้อมูลเกิดขึ้นเมื่อค่าเฉลี่ย ความแปรปรวน และสหสัมพันธ์ในตัวเองไม่เปลี่ยนแปลงตามเวลา ข้อมูลที่มีเทรนด์หรือฤดูกาลมักไม่นิ่ง จึงต้องแปลงข้อมูลก่อนวิเคราะห์ เช่น difference, deseasonalize เพื่อกำจัดผลกระทบของเทรนด์และฤดูกาล
  8. Decomposition: การแยกองค์ประกอบของอนุกรมเวลาออกเป็นเทรนด์ ฤดูกาล วัฏจักร และส่วนที่เหลือ เพื่อวิเคราะห์รูปแบบและปัจจัยที่มีอิทธิพลแยกจากกัน ช่วยในการเลือกตัวแบบที่เหมาะสมในการพยากรณ์ค่าในอนาคต
  9. Smoothing: การปรับให้เรียบเป็นการลดความผันผวนของข้อมูลโดยใช้ค่าถ่วงน้ำหนักของค่าสังเกตในอดีต เช่น Moving Average ใช้ค่าเฉลี่ยของ n ค่าล่าสุด ส่วน Exponential Smoothing จะให้น้ำหนักมากกว่ากับค่าที่ใกล้ปัจจุบัน
  10. Forecasting Models: ตัวแบบสำหรับพยากรณ์มีหลายประเภท เช่น Autoregressive (AR) ที่ใช้ค่าในอดีตหลายค่ามาทำนายค่าปัจจุบัน, Moving Average (MA) ที่ใช้ค่าคลาดเคลื่อนในอดีตมาทำนาย, ARMA ที่ใช้ทั้ง AR และ MA, ARIMA ที่เพิ่มการทำ differencing เพื่อแก้ปัญหาความไม่นิ่ง และ SARIMA ที่เพิ่มการจัดการผลกระทบของฤดูกาล

การเลือกตัวแบบที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะข้อมูล รูปแบบความสัมพันธ์ วัตถุประสงค์ และข้อจำกัดต่างๆ นอกจากนี้ยังต้องมีการทดสอบความแม่นยำของการพยากรณ์ด้วยการแบ่งข้อมูลเป็น train กับ test เพื่อปรับปรุงตัวแบบให้มีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

แต่ว่า.. ที่ยกหลักการมาโดยรวมยังไม่ได้เจาะจงไปที่การเทรดหุ้นเพราะอยากให้เห็นว่า Time Series Analysis ไม่ได้เฉพาะเจาะจงแค่ข้อมูลที่เกี่ยวกับเวลา แต่ยังเกี่ยวกับรูปแบบพฤติกรรมค่ะ

ทีนี้..

การทำนาย Time Series Analysis ในตลาดหุ้นและความสำคัญของจิตวิทยาในการเทรด

ในโลกของการลงทุนในตลาดหุ้น การทำนายแนวโน้มของราคาหุ้นเป็นสิ่งที่นักลงทุนและเทรดเดอร์ต่างให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก หนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมในการวิเคราะห์และทำนายราคาหุ้นคือ Time Series Analysis ซึ่งเป็นการศึกษาข้อมูลราคาหุ้นในอดีตเพื่อหารูปแบบและแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ยกตัวอย่างเช่น ในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา นักลงทุนสามารถใช้ Time Series Analysis เพื่อศึกษาข้อมูลราคาหุ้นของบริษัทใหญ่ๆ เช่น Apple, Amazon หรือ Tesla โดยการวิเคราะห์รูปแบบของราคาในอดีต เช่น รูปแบบของราคาเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) หรือรูปแบบฤดูกาลที่อาจเกิดขึ้นซ้ำๆ นักลงทุนสามารถคาดการณ์แนวโน้มของราคาหุ้นในระยะสั้นและระยะยาวได้

อย่างไรก็ตาม การทำนายราคาหุ้นโดยใช้ Time Series Analysis เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากราคาหุ้นไม่ได้ถูกกำหนดโดยปัจจัยทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางจิตวิทยาของนักลงทุนและผู้เทรดด้วย ความกลัว ความโลภ และอารมณ์ต่างๆ ของนักลงทุนสามารถส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อขายและส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นได้อย่างมาก

ดังนั้น นอกจากการใช้เทคนิค Time Series Analysis แล้ว นักลงทุนและเทรดเดอร์ควรให้ความสำคัญกับการเข้าใจจิตวิทยาของตลาดและควบคุมอารมณ์ของตนเองด้วย การมีวินัยในการเทรด การกำหนดแผนการเทรดที่ชัดเจน และการยอมรับความเสี่ยงและขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนและเทรดเดอร์ประสบความสำเร็จในระยะยาว

การผสมผสานระหว่างการวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วย Time Series Analysis และการเข้าใจจิตวิทยาในการเทรด จะช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์แนวโน้มของราคาหุ้นได้แม่นยำยิ่งขึ้น และบริหารความเสี่ยงในการลงทุนได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นของสหรัฐอเมริกาหรือตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก การใช้ประโยชน์จากเทคนิคการวิเคราะห์ที่หลากหลายและการพัฒนาจิตวิทยาในการเทรดจะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการลงทุนอย่างยั่งยืนในตลาดหุ้น

ความสำคัญของอารมณ์กับการเทรด

ในโลกของการลงทุนในตลาดหุ้น ความรู้ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญ แต่ปัจจัยที่มักถูกมองข้ามและมีผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจและผลลัพธ์ในการลงทุนคือ จิตวิทยาการเงิน (Financial Psychology)

จิตวิทยาการเงินเป็นการศึกษาถึงอิทธิพลของอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีต่อการตัดสินใจทางการเงิน ในการเทรดหุ้น นักลงทุนและเทรดเดอร์ต่างต้องเผชิญกับความผันผวนของราคาหุ้นและความไม่แน่นอนของตลาดอยู่ตลอดเวลา สถานการณ์เหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ต่างๆ เช่น ความกลัว ความโลภ ความหวัง หรือความตื่นตระหนก ซึ่งสามารถบิดเบือนการตัดสินใจและนำไปสู่การกระทำที่ไม่สมเหตุสมผลได้

ตัวอย่างของพฤติกรรมที่เกิดจากอิทธิพลของจิตวิทยาการเงิน เช่น การตัดสินใจซื้อหุ้นเพียงเพราะราคากำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (Fear of Missing Out) โดยไม่ได้วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท หรือการลังเลที่จะขายหุ้นที่ขาดทุนเพราะไม่ยอมรับความจริง (Loss Aversion) จนกระทั่งราคาหุ้นตกลงไปมากกว่าเดิม พฤติกรรมเหล่านี้เป็นผลมาจากอคติทางจิตวิทยาที่ฝังลึกในตัวมนุษย์ และสามารถส่งผลเสียต่อผลตอบแทนในการลงทุนได้อย่างมาก

ดังนั้น การเข้าใจและพัฒนาจิตวิทยาการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ การตระหนักถึงอคติและอารมณ์ของตนเอง การกำหนดเป้าหมายและแผนการเทรดที่ชัดเจน การมีวินัยในการปฏิบัติตามกฎการเทรดอย่างเคร่งครัด รวมถึงการจัดการความเสี่ยงและอารมณ์อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและสอดคล้องกับเป้าหมายในการลงทุนมากขึ้น

นอกจากนี้ การศึกษาจิตวิทยาการเงินยังช่วยให้นักลงทุนเข้าใจพฤติกรรมของนักลงทุนรายอื่นๆ ในตลาดได้ดีขึ้น เมื่อเข้าใจว่าราคาหุ้นไม่ได้เคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับอิทธิพลจากอารมณ์และพฤติกรรมของผู้เทรดจำนวนมาก นักลงทุนจะสามารถคาดการณ์แนวโน้มของตลาดได้แม่นยำยิ่งขึ้น และปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดในขณะนั้นได้

โดยสรุป จิตวิทยาการเงินเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในการเทรดหุ้น การเข้าใจและพัฒนาจิตวิทยาการเงินควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศใดก็ตาม การมีสติ ควบคุมอารมณ์ และยึดมั่นในหลักการลงทุนที่ดี จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในเส้นทางการลงทุนอย่างยั่งยืน


ประเด็นคือ บริการของแมวไม่มีเรื่องการเทรดหุ้นหรอกค่ะ แต่อยากเขียนสาระสำคัญของการใช้ทั้งความ “บุ๋น” และ “บู้” (เขียนถูกไหมนะ) ของศาสตร์ข้อมูลที่ถึงแม้ว่าจะแนะนำทางเราได้ การตัดสินใจก็ยังอยู่ที่อารมณ์ของเราอยู่ดี

วันนี้ประมาณนี้ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *