พอทราบไหมคะ ว่าข้อมูลที่เราเก็บกันอยู่ทุกวัน ไม่ได้ถูกนำไปใช้เต็มประสิทธิภาพ
จากแหล่งข้อมูลพบว่า บริษัทจำนวนมากยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่อย่างเต็มที่ โดยมีสถิติดังนี้
- 60-73% ของข้อมูลทั้งหมดในองค์กรไม่ได้ถูกนำมาใช้เพื่อการวิเคราะห์[2]
- 43% ของบริษัทที่สำรวจ “ได้รับประโยชน์เชิงรูปธรรมเพียงเล็กน้อยจากข้อมูลของตน” ในขณะที่ 23% “ไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ เลย”[3]
- 75% ของผู้นำธุรกิจรู้สึกว่าพวกเขา “ใช้ประโยชน์สูงสุดจากสินทรัพย์ข้อมูลของตน” แต่มีเพียง 4% เท่านั้นที่มีการเตรียมความพร้อมสำหรับความสำเร็จ[3]
สถิติเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า บริษัทจำนวนมากยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้พลาดโอกาสในการปรับปรุงและอาจสูญเสียประโยชน์ที่พึงได้
อ้างอิง
[1] https://www.forbes.com/sites/jarretjackson/2020/07/15/businesses-have-more-data-than-ever-before-but-do-they-measure-what-they-manage/
[2] https://www.inc.com/jeff-barrett/misusing-data-could-be-costing-your-business-heres-how.html
[3] https://www.cio.com/article/242623/study-reveals-that-most-companies-are-failing-at-big-data.html
[4] https://explodingtopics.com/blog/companies-using-ai
[5] https://www.forbes.com/sites/brentdykes/2021/06/01/10-reasons-why-your-organization-still-isnt-data-driven/
แมวคิดว่า การที่เรามีมุมมอง Data-driven โดยเฉพาะข้อมูลที่เรามีอยู่แล้ว เป็น mental model ที่ดีมากๆ เลยค่ะ หากเราสามารถหลุดจากกรอบทั้งสามข้อด้านบน และหันมามองข้อมูลที่เรามีอยู่ เราอาจจะพบว่า solution อยู่ใกล้เรามากกว่าที่คิด
โดยปกติแล้ว บริษัท/ร้านค้า/ธุรกิจ/อุตสาหกรรม จะมีการเก็บข้อมูล ประมาณนี้
- ระดับความพึงพอใจโดยรวม (Overall Satisfaction Score): เป็นการวัดความพึงพอใจของลูกค้าต่อประสบการณ์โดยรวมในการใช้สินค้าหรือบริการ โดยอาจใช้สเกลคะแนนตั้งแต่ 1-5 หรือ 1-10 ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจภาพรวมของความพึงพอใจและใช้เป็น target variable ในการสร้างโมเดล
- คุณภาพของสินค้าหรือบริการ (Product/Service Quality): ปัจจัยนี้วัดระดับความพึงพอใจของลูกค้าต่อคุณภาพและประสิทธิภาพของสินค้าหรือบริการ ซึ่งมีผลอย่างมากต่อความพึงพอใจโดยรวม อาจวัดจากคะแนนที่ลูกค้าให้ หรือจากคำถามเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับคุณภาพในแง่มุมต่างๆ
- การให้บริการลูกค้า (Customer Service): การให้บริการและช่วยเหลือลูกค้าเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความพึงพอใจ ซึ่งสามารถวัดได้จากความรวดเร็วในการตอบสนอง ความเป็นมืออาชีพ ความสุภาพและเป็นมิตร และความสามารถในการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า
- คุณค่าที่ได้รับเมื่อเทียบกับราคา (Value for Money): ปัจจัยนี้เกี่ยวข้องกับการรับรู้ของลูกค้าว่าพวกเขาได้รับคุณค่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่ ซึ่งมีผลต่อความพึงพอใจและความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว อาจวัดจากคะแนนที่ลูกค้าให้สำหรับคุณค่าโดยรวมเมื่อเทียบกับราคา
- ความตั้งใจซื้อซ้ำหรือแนะนำต่อ (Repurchase/Recommendation Intention): นอกจากความพึงพอใจแล้ว ความตั้งใจที่จะกลับมาซื้อซ้ำหรือแนะนำสินค้า/บริการต่อให้ผู้อื่นก็เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จที่สำคัญ ซึ่งสะท้อนถึงความพึงพอใจในระยะยาวและความภักดีของลูกค้า อาจวัดจากคำถามเกี่ยวกับความเต็มใจที่จะซื้อซ้ำหรือแนะนำต่อ
แมวเข้าใจว่า จะเห็นได้ว่าองค์กรจำนวนมากยังประสบปัญหาในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งอาจเกิดจากทัศนคติหรือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนบางประการ เช่น
- มองว่าข้อมูลที่มีเป็นเพียงข้อมูลสะสมที่เก็บมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้รู้สึกว่าข้อมูลไม่ทันสมัยหรือไม่ตอบโจทย์ความต้องการแบบ real-time ทั้งที่ความจริงแล้ว การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากอดีตมักให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนกลยุทธ์ในอนาคตได้เป็นอย่างดี
- เข้าใจว่าข้อมูลที่มีอยู่ไม่สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์แบบการทำนายได้ โดยคิดว่าทำได้เพียงการหาค่าเฉลี่ยของข้อมูล เช่น ระดับความพึงพอใจของลูกค้าเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง เทคนิค Data Science และ Machine Learning ที่ทันสมัยสามารถนำข้อมูลในอดีตมาสร้างแบบจำลองที่ใช้ทำนายผลลัพธ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำ
- คิดว่าการได้รายงานและข้อมูลที่ถูกต้องสมบูรณ์ จำเป็นต้องจ้างบริษัทวิจัยการตลาดมาเก็บข้อมูลใหม่ทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เพราะเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลสมัยใหม่สามารถใช้ข้อมูลที่มีอยู่แล้ว ผสานกับข้อมูลภายนอกที่เกี่ยวข้องและเทคนิคทางสถิติที่ซับซ้อน ในการสร้างข้อมูลเชิงลึกที่มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือได้
ดังนั้น เพื่อให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างเต็มศักยภาพ จึงควรมีการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์และเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับคุณค่าของข้อมูลที่มีอยู่ ตลอดจนเทคนิควิธีการวิเคราะห์สมัยใหม่ที่จะช่วยให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น องค์กรที่เปิดใจยอมรับและพร้อมจะเรียนรู้ในการใช้ Data Science กับข้อมูลที่มีนั้น จะสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและความยั่งยืนทางธุรกิจในยุคที่ข้อมูลคือทรัพยากรอันล้ำค่า
ซึ่งกลุ่มข้อมูล 5 ปัจจัยนี้ นี้สามารถนำมาใช้เป็น feature ในการสร้างโมเดลเพื่อศึกษาความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งจะช่วยทำนายระดับความพึงพอใจและปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจมากที่สุด และอาจจะถูกต้องและเที่ยงตรงมากกว่าการเก็บข้อมูลใหม่ (อ่านบทความข้อด้อยของการเก็บข้อมูลใหม่)
การนำข้อมูลที่มีอยู่แล้วมาสร้างโมเดล
Data Science
การพยากรณ์พฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคตด้วย Data Science ไม่ว่า จากข้อมูลความพึงพอใจและคำร้องเรียนก่อนหน้า ๆ มีประโยชน์มหาศาลเลยค่ะ
ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ การนำข้อมูลที่มีอยู่มาวิเคราะห์และใช้ประโยชน์เพื่อพยากรณ์พฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคตกลายเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเทคนิค Data Science ที่ก้าวหน้า องค์กรสามารถนำข้อมูลความพึงพอใจหลังการบริการและคำร้องเรียนจากลูกค้ามาใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
ข้อมูลความพึงพอใจของลูกค้าที่ถูกเก็บทันทีหลังจากได้รับบริการ เป็นข้อมูลที่มีคุณค่าอย่างมากในการสะท้อนประสบการณ์และความรู้สึกของลูกค้าต่อสินค้าหรือบริการ ข้อมูลนี้มักประกอบด้วยคะแนนความพึงพอใจ ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่างๆ ซึ่งเมื่อนำมาวิเคราะห์ด้วยเทคนิคการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) จะช่วยให้เราเข้าใจความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ข้อมูลคำร้องเรียนของลูกค้าที่มีต่อการบริการ ไม่ว่าจะเป็นความพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจ ก็เป็นอีกแหล่งข้อมูลสำคัญที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง การวิเคราะห์คำร้องเรียนเหล่านี้ด้วยเทคนิคข้อมูล Data Mining และการวิเคราะห์ความรู้สึก (Sentiment Analysis) จะช่วยให้เราเข้าใจปัญหาและข้อบกพร่องในการให้บริการได้อย่างลึกซึ้ง และนำไปสู่การปรับปรุงคุณภาพการบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อนำข้อมูลความพึงพอใจและคำร้องเรียนมารวมกันและใช้เทคนิค Data Science ในการวิเคราะห์ เราสามารถค้นพบรูปแบบและแนวโน้มที่ซ่อนอยู่ในพฤติกรรมของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจกับปัจจัยต่างๆ เช่น คุณภาพสินค้า การบริการ ราคา และช่องทางการจัดจำหน่าย หรือแม้แต่การระบุกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มจะเกิดความไม่พอใจและอาจเลิกใช้บริการ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถวางแผนกลยุทธ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและรักษาฐานลูกค้าไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การนำผลการวิเคราะห์ไปใช้ในการพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงใจลูกค้ายิ่งขึ้น ก็ถือเป็นอีกประโยชน์สำคัญของการพยากรณ์พฤติกรรมผู้บริโภคด้วย Data Science ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้าจะช่วยให้ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์สามารถออกแบบและปรับปรุงสินค้าให้โดนใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวในการสร้างแคมเปญทางการตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการและความสนใจของผู้บริโภคได้อย่างเฉพาะเจาะจงอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การพยากรณ์พฤติกรรมผู้บริโภคด้วย Data Science นั้น องค์กรจำเป็นต้องมีการจัดการและบูรณาการข้อมูลอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การเก็บรวบรวม การทำความสะอาดและแปลงข้อมูล ไปจนถึงการสร้างแบบจำลองและประเมินผล ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลและการทำงานร่วมกันของทีมต่างๆ ในองค์กร
นอกจากนี้องค์กรยังต้องคำนึงถึงจริยธรรมและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าด้วย การเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าและมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือในการใช้ข้อมูลนะคะ
แมวสรุปประเด็น
- การนำข้อมูลความพึงพอใจและคำร้องเรียนมาวิเคราะห์ด้วย Data Science ช่วยพยากรณ์พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคในอนาคตได้แม่นยำขึ้น
- เทคนิคต่างๆ เช่น NLP, Machine Learning, Data Mining และ Sentiment Analysis ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อค้นหาแนวโน้มและรูปแบบในพฤติกรรมของผู้บริโภค
- ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์สามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงคุณภาพสินค้าและบริการ รักษาฐานลูกค้า และสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น
- การพยากรณ์พฤติกรรมผู้บริโภคด้วย Data Science ต้องมีกระบวนการจัดการและบูรณาการข้อมูลที่เป็นระบบ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของทีมงานที่เกี่ยวข้อง
- องค์กรต้องตระหนักถึงจริยธรรมและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้า โดยต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดี
การเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Data-Driven เป็นหนทางสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ และการพยากรณ์พฤติกรรมผู้บริโภคก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือชั้นเยี่ยมที่ขับเคลื่อนด้วย Data Science ซึ่งจะยิ่งมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในอนาคต
ตัวอย่างการทำงานของ Datastist Co. ในการนำข้อมูลมาทำนายพฤติกรรมหรือแนวโน้มของผู้บริโภค
Leave a Reply